( 31 ต.ค.58) เริ่มแล้วงานประเพณีแข่งขันเรือยาว ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประจำปี 2558 ที่บริเวณลำน้ำมูล หน้าที่ว่าการอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ทางจังหวัด
บุรีรัมย์ ร่วมกับอำเภอสตึก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลตำบลสตึก และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอสตึก ตลอดจนภาครัฐ และเอกชนในจังหวัดจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. – พ.ย. 2558 โดยภายในงานได้มีขบวนอัญเชิญถ้วยพระราชทานฯ ขบวนพาเหรดช้าง พร้อมโชว์การแสดงช้างยุทธหัตถี หรือการต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง ซึ่งถือเป็นการรบแบบกษัตริย์ในสมัยโบราณ การเห่เรือ 3 ลำ มีเรือสุพรรณหงส์ เรืออนันตนาคราช และเรือนารายณ์ทรงสุบรรณ พร้อมกันนี้ยังมีขบวนแพแฟนตาซีที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นอีกด้วย โดยปีนี้มีเรือยาวจากทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันประชันฝีพาย ประกาศศักดาชิงเจ้าความเร็วแห่งลำน้ำมูลจำนวน 37 ลำ แบ่งการแข่งขันเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย เรือไม้ขนาดใหญ่ (เรือไม้ ก) ไม่เกิน 55 ฝีพาย เรือที่ชนะเลิศจะได้รับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เรือไม้ขนาดกลาง (เรือไม้ ข) ไม่เกิน 40 ฝีพาย เรือที่ชนะเลิศจะได้รับถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และการแข่งขันเรือท้องถิ่น ไม่เกิน 36 ฝีพาย เรือที่ชนะเลิศจะได้รับถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
และที่เป็นไฮไลท์และสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว คือการแข่งขันช้างว่ายน้ำข้ามลำน้ำมูล ระหว่างช้างจังหวัดบุรีรัมย์ กับช้างจังหวัดสุรินทร์ ที่ได้จัดสืบทอดต่อกันมาช้านานเพื่ออนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่น เพื่อชิงถ้วยรางวัลถ้วยใบใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีแห่งเดียวในโลก ปรากฏว่า ช้าง จ.บุรีรัมย์ชนะช้าง จ.สุรินทร์ จากนั้นช้างที่ชนะยังได้ลงว่ายแข่งขัน น.ส.นิสา ร่มเย็น นักฟุตบอลทีมชาติไทย สร้างสีสันและความประทับใจแห่นักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวงานเป็นอย่างมาก ผลการแข่งขันปรากฏว่า น้องนิสา ร่มเย็น ว่ายชนะช้างและคว้ารางวัลไปครอง
นายอนุทิน ชาญวีระกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดว่า ประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ ของจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสื่อที่อธิบายถึงความเป็นมา ภูมิหลัง ประวัติศาสตร์ และเป็นมรดกของชาวอำเภอสตึก ในอดีตที่จัดมายาวนานแสดงถึงการใช้ประโยชน์จากเรือ และแม่น้ำ เป็นบ่อเกิดประเพณีวัฒนธรรม แม้ปัจจุบันการสัญจรทางเรือจะมีน้อย แม่น้ำก็ยังเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอีกมากมายหลายด้าน เช่น การเกษตร การประมง และการรักษาความสมดุลของธรรมชาติ ขอให้ช่วยกันอนุรักษ์เพื่อประโยชน์สำหรับพี่น้องตลอดไป อีกทั้งยังจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น
โดยปีนี้มีประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติมาร่วมงานร่วมแสนคน ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดจากการจัดงานประเพณีแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ จ.บุรีรัมย์ ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
from facebook: khaosod
