เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 18 พ.ย. พ.ต.อ.อัทธชนม์ ช่วงงาม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อม พ.ต.ท.ประยุทธ แพปรุ พนักงานสอบสวนเวร และชุดสืบสวน ควบคุมตัวนายไพบูลย์ เจริญธรรม อายุ 54 ปี อยู่ที่ ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี มาขยายผลการจับกุมเพิ่มเติม กรณีมีการแจ้งความ ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายไพบูลย์ได้ล่วงละเมิดทางเพศ โดยข่มขืนเด็กหญิง อายุ 6 ปี เหตุเกิดภายในที่พักคนงานก่อสร้างในซอยมิตรภาพ 12 เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา เบื้องต้นดำเนินคดีนายไพบูลย์ ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาตน
พ.ต.อ.อัทธชนม์ ผกก.สภ.โพธิ์กลาง เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวน สภ.เขาฉกรรจ์ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ว่า น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี แจ้งความกล่าวหานายไพบูลย์ ช่างรับเหมาเดินสายไฟฟ้า ลักลอบข่มขืนกระทำชำเราด.ญ.จอย (นามสมมุติ) อายุ 6 ปี ลูกเลี้ยง ผู้ต้องหาฉวยโอกาสในขณะที่นางเอ อายุ 35 ปี เมียน้อย ซึ่งเป็นพี่สาวน.ส.บี ไม่อยู่ในที่พักคนงาน ก่อเหตุบังคับข่มขืนด.ญ.จอยหลายครั้ง ซึ่งตรงกับผลตรวจร่างกายของแพทย์โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ระบุพบร่องรอยถูกกระทำชำเรา
นายไพบูลย์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุตามที่ถูกกล่าวหาจริง หลังหย่าร้างกับเมียคนแรก ได้มาอยู่กินกับนางเอ ซึ่งมีลูกติดมาคือด.ญ.จอย ตนมีอารมณ์ทางเพศสูง อาศัยช่วงที่แม่ด.ญ.จอยไม่อยู่ จะลักลอบข่มขืนลูกเลี้ยง รวม 4 ครั้ง จนกระทั่งนางเอเริ่มระแคะระคาย จึงส่งลูกไปอยู่กับญาติพี่น้อง ที่ จ.สระแก้ว
จากนั้น เจ้าหน้าที่เชิญนางเอ ผู้เป็นแม่ของด.ย.จอย มาสอบสวนเพิ่มเติม เพราะเกรงว่าอาจมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ เนื่องจากเป็นผู้ที่ทราบเรื่องราวดี จึงนำลูกมาอยู่กับน้าสาว โดยนางเอระบุว่า ลูกเคยเล่าให้ฟัง เมื่อสอบถามนายไพบูลย์ก็ไม่ยอมรับ กลับใช้กำลังทำร้ายร่างกายตนอีก จึงกลัวไม่กล้าถามอีก ตนฐานะค่อนข้างขัดสน จึงยอมเป็นเมีย แต่ไม่วางใจ จึงได้ส่งลูกสาวให้ไปอยู่ที่บ้านเกิด จ.สระแก้ว จนกระทั่งความจริงได้ปรากฏนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน ได้ประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนครราชสีมา และนักจิตวิทยา มาร่วมสอบถามด.ญ.จอย ซึ่งได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจค่อนข้างแรง เบื้องต้นพบนางเอ ไม่มีความพร้อมดูแลลูกสาวได้ จึงส่งด.ญ.จอยให้ไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด นครราชสีมา เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1447824531