โดยผู้เป็นพ่อได้นำยาพิษกรอกปากลูกชายตนเอง ซึ่งนอนป่วยเป็นอัมพาตช่วยตนเองไม่ได้ เพื่อต้องการให้ลูกชายตาย เพื่อจะได้ไม่ทรมาน และเป็นภาระกับครอบครัว ส่วนตัวเองก็ได้กรอกยาพิษเข้าปาก แต่กลัวไม่ตาย จึงได้แขวนคอตัวเองอีก เพื่อให้ตายชดใช้ความผิดทางกฎหมายที่ฆ่าลูก ทั้งนี้ทางแพทย์ได้เข้ามาร่วมในการตรวจ ได้ทำการช่วยเหลือลูกชาย โดยนำตัวไปล้างท้องที่โรงพยาบาลเชียงดาวได้ทัน แต่อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน
ทั้งนี้ในเอกสารลาตายที่ผู้เป็นพ่อเขียนไว้ 4 ใบ ใบแรก “พ่อขอโทษลูกเมียด้วยที่ตัดสินใจทำแบบนี้ ขอพี่ไผ่และพี่ดวนช่วยอนุเคราะห์ด้วย” , ใบที่ 2 เขียนว่า “ถึงป.สถิตย์,พี่ราวิน,น้องพร,น้องไก่,ขอความเมตตาครอบครัวของผมด้วย ผมไม่โทษใครหรอกครับ ผมทำงานไม่เป็นเอง” , ใบที่ 3 เขียนว่า “ลูกหนิงพ่อขอโทษลูกด้วยที่ส่งลูกเรียนไม่จบ ป.ตรี. ตามที่พ่อหวังใว้ ลูกเป็นคนดีขอให้พระคุ้มครองลูกด้วย ลาก่อน” และใบที่ 4 เขียนว่า “เหตุผลที่เอาลูกหนึ่งไปด้วยเพราะว่าเขาบาดเจ็บมาก ทิ้งลูกไว้ก็จะเป็นภาระให้แม่นิ่ว ลำบากในการดูแลดังนั้นพ่อจึงตัดสินใจเอาลูกหนึ่งไปด้วย”
ซึ่งทางแพทย์ได้ตรวจศพของผู้เป็นพ่อ พบว่ากินยาพิษชนิดเดียวกันกับที่กรอกปากลูกแล้วแขวนคอตัวเองตาย แต่ลูกที่ป่วยอัมพาตนั้นยังไม่ตาย โดยอาการสาหัส ขณะที่นางผ่องศรี ผู้เป็นแม่ ก็ไปทำงานเข้าเวรกลางคืน เมื่อกลับมาเห็นสภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ถึงกับเป็นลมล้มพับหลายรอบ นำส่งโรงพยาบาลอาการดีขึ้นแล้ว
ทั้งนี้ลูกชายที่ป่วยอัมพาตนั้น เกิดจากเมื่อปี 2557 ลูกชาย คือ นายธีรศักดิ์ ได้ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่เชียงใหม่ หลังเลิกงานก็ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก เจอเด็กแว้นขับรถไล่ตีกัน และขับมาชนรถนายธีรศักดิ์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวกระแทกพื้นต้องผ่าตัดสมอง และต้องมาพักฟื้นที่บ้าน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นภาระหนักให้กับพ่อแม่ ส่วนคนก่อเหตุชนลูกชายจ่ายเงินให้สามหมื่นบาทแล้วก็หายไป ไม่มาเหลียวแลเลย
จนต้องให้พ่อแม่รับภาระทุกอย่าง ขณะที่เงินรายได้ก็ไม่มาก แต่ต้องจ่ายทุกอย่าง เงินที่เก็บสะสมไว้ก็ไม่เหลือ ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินใจลาตาย พร้อมลูก แต่สุดท้ายลูกกลับอาการสาหัส โดยแพทย์ระบุยาพิษเป็นยาประเภทดูดซึมทำลายระบบภายในหมดแล้ว โอกาสรอดชีวิตค่อนข้างน้อย
ร.ต.ท.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นการผูกคอตายนั้น มีเอกสารและจดหมายแจ้งจากเจ้าตัวว่าทำตัวเอง แต่เรื่องการกรอกยาพิษให้กับบุตรชายนั้น กำลังหาหลักฐานต่างๆ มาประกอบ เพื่อบ่งชี้ว่าพ่อกรอกยาลูกชายจริง ส่วนอาการลูกชายนั้น สาหัสมากเพราะยาพิษเป็นยาประเภทดูดซึมทำลายระบบภายในหมดแล้ว จากการที่ทางแพทย์ได้ตรวจพิสูจน์ และได้ส่งสารพิษที่พบในร่างกายไปให้ทางโรงพยาบาลนครพิงค์โรงพยาบาลประจำ จังหวัดเชียงใหม่ตรวจสอบแล้วว่าจะเป็นสารพิษประเภทใด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1448012145