สืบเนื่องจากชุดสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ในคดี ต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุและ กล้องวงจรปิดที่เป็นเส้นทางคนร้ายใช้หลบหนี สามารถบันทึกภาพคนร้ายที่ก่อเหตุไว้ได้ โดยจากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ของสภ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา และยังก่อเหตุอีกหลายครั้ง ประกอบด้วย เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ก่อเหตุที่ร้านแอดเชียงใหม่ ตรงข้ามร.ร.ยุพราช ถ.ราชวิถี วันที่ 31 ต.ค. ก่อเหตุที่ถ.นิมานเหมินทร์ ซ.13 วันที่ 14 พ.ย. ก่อเหตุที่ถ.หัสดิเสวี ต.ช้างเผือก วันที่ 16 พ.ย. ก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวชาวจีน เหตุเกิดที่ถ.มินมานเหมินทร์ ซ.7 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกัน ซึ่งดูจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพของคนร้ายได้ในแต่ละคดีและรถของคนร้ายที่ ใช้ก่อเหตุนั้นมีลักษณะเดียวกันพร้อมทั้งตำหนิรูปพรรณคนร้ายใกล้เคียงกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมนายวสันต์ ได้ที่บริเวณร้านสะดวกซื้อ สาขานวรัตน์ ถ.เชียงใหม่-ลำพูน ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุและได้นำตัวนายวสันต์ไปยังห้องพัก ห้อง 501 ถ.ท่าสะต๋อย ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตรวจค้นพบของกลางที่ได้จากการกระทำความผิดและเสื้อผ้าของนายวสันต์ จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่านายวสันต์ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จังหวัดแพร่ ในคดียาเสพติดอีกด้วย
พล.ต.ต.ปชา กล่าวว่า จากการสืบสวนและการจับกุมคนร้ายในครั้งนี้ ได้เบาะแสจนสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้จากกล้องวงจรปิดของภาครัฐและเอกชน ของเทศบาลตามโครงการ POLICE EYE ของผบช.ภ.5 โดยการก่อเหตุของคนร้ายแต่ละครั้งจะสวมชุดสีดำ แล้วใส่รองเท้าแตะสีขาว ซึ่งเป็นที่สังเกตได้ง่าย จึงนำภาพจากวงจรปิดกระจายหาข้อมูลจนพบและจับกุมคนร้าย เบื้องต้นให้การสารภาพว่า ที่ก่อเหตุเพราะต้องการหาเงินไปเที่ยวเตร่ในวันลอยกระทง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1447998080
