วานนี้ (26 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวหลังหารือกับ พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ถึงการดำเนินการเกี่ยวกับวัดกัลยาณมิตร ที่มีการสร้างอาคารขึ้นใหม่แทนที่โบราณสถานว่า จากการหารือร่วมกัน ได้ข้อสรุป 4 แนวทางเพื่อหาทางออก และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างกรมศิลปากร กับ วัดกัลยาณมิตร ดังนี้
1. กรมศิลปากร จะเข้าไปดำเนินการรื้ออาคารโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นผิดกฎหมาย อยู่บริเวณด้านหน้าวิหารหลวงมีร้านขายของรกรุงรังจำนวนมากจึงเป็นการบดบังทัศนียภาพของวัด โดยพระพรหมกวีไม่มีข้อขัดข้องที่จะรื้อถอนอาคารออกไป แต่ขอให้ดำเนินการช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนรวมทั้งขอให้กรมศิลปากรออกแบบอาคารให้ใหม่ด้วย
2. กรมศิลปากรจะเข้าไปเก็บเศษซากวัสดุหลังจากที่กรมศิลปากรมีการรื้อศาลารายที่สร้างขึ้นผิดกฎหมายไปก่อนหน้านี้ แล้ว 2หลังและจะมีการฟื้นฟูสภาพภูมิทัศน์ให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
3. พระพรหมกวี ได้ขอให้กรมศิลปากรจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาวัดกัลยาณมิตร และจัดทำรายละเอียดของการก่อสร้างและบูรณะวัด โดยให้ระบุว่า อะไรทำได้ และทำไม่ได้ซึ่งตนได้แจ้งให้วัดทราบว่าหากจะมีการดำเนินการใดๆภายในวัดเกี่ยวกับการก่อสร้าง ทุบ ทำลาย หรือ บูรณะจะต้องขออนุญาตกรมศิลปากรก่อนทุกครั้ง
4.ขอให้กรมศิลปากรกำหนดขอบเขตโบราณสถานภายในวัดให้ชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมามีเพียงการขึ้นทะเบียนโบราณสถานแต่ชื่อวัด ไม่ได้มีการจำแนกที่ดิน และ พื้นที่ขอบเขตของโบราณสถานแต่ละแห่ง
อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมายให้กองโบราณคดีเข้ามาช่วยจัดทำรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันยังได้แจ้งให้พระพรหมกวีทราบว่า ในเรื่องการฟ้องร้องที่เป็นคดีความค้างอยู่ในชั้นอัยการ และศาล นั้นขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายแต่จากนี้ไป ทั้งกรมศิลปากร และ วัดกัลยาณมิตรจะพยายามสร้างความเข้าใจร่วมกัน ในการหาแนวทางอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่วัดกัลยาณมิตรเพื่อลดความขัดแย้ง ซึ่งพระพรหมกวี ก็เห็นด้วย และยินดีร่วมมือกับกรมศิลปากร
ที่มา : http://social.tnews.co.th/contents/170571/
