
จากการสอบสวนน.ส.วิไลพรรณ นุตวัย ให้การว่า สามีของตนจะพักอยู่ที่ร้าน ส่วนตนนั้นจะพักอยู่บ้านนายจ้าง เพราะตนทำงานเป็นแม่บ้าน โดยเมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 20.00 น. สามีโทรมาหา ทั้งร้องไห้ บอกว่าเครียดมาก แต่ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร พูดเพียงว่ารักตนและลูกๆ ทั้ง2 คน ตนจึงได้พูดให้กำลังใจสามี ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะมีทางออกของมันเอง ไม่ต้องเครียดหรอก
ต่อมาในตอนเช้าตนไปซื้อกาแฟ และ อาหารเช้า มาให้สามี พอมาถึงร้านเห็นประตูหน้าร้านเปิด แต่ไม่พบสามีอยู่ข้างล่าง จึงได้ขึ้นไปดูเห็นสามีผูกคอตายห้อยโตงเตง จึงได้ไปเอามีดมาตัดเชือก นำร่างสามีลงมา แต่ก็ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งสามีได้เขียนจดลาตายแล้วเอาไว้ด้วย มีใจความว่า ชีวิตของผมมันชั่วมาทั้งชีวิต ล้างผลาญสมบัติทรัพย์ พ่อแม่ จนหมด มีครอบครัวก็ทำร้ายครอบครัวตนเองพังทลาย มามีครอบครัวใหม่ก็ทำลายลูกในไส้ ของตัวเองอีก ขอจบความชั่วของผมด้วยชีวิตของผม ขอโทษด้วยที่ทำให้แม่ผิดหวัง ขอโทษทุกคน ที่ทำให้เดือดร้อน ขอโทษ เมียและลูกทั้งสองคน ขอให้อโหสิกรรมให้ผมด้วย เฮียนึกครับผมขอโทษที่สร้างความเดือดร้อยให้เฮีย และขอขอบคุณที่อุปการะและไว้เนื้อเชื่อใจผม มาตลอด
นายสมนึก ศรีวิรุ่งโรจน์ อายุ53 ปี เจ้าของร้าน ให้การว่า ผู้ตายและภรรยา มาทำงานกับตน มาได้1 ปีกว่า โดยเมื่อ2 วันที่ผ่านมา ผู้ตาย มาขอเบิกเงินล่วงหน้า 5,000 บาท บอกว่า จะพาภรรยาและลูก ไปเยี่ยมพ่อแม่ ที่ต่างจังหวัด ในช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงให้เงินไป ซึ่งผู้ตายก็เคยบ่นและร้องไห้ พูดให้ฟังว่าพ่อตาแม่ยาย ต่อว่าผู้ตายที่เอาลูกมาให้แกเลี้ยงและเรื่องเงินทองก็ไม่ค่อยมีมาให้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ตายเครียด อีกทั้งผู้ตายก็ได้เขียนจดหมายลาตายที่ตำหนิตนเอง ที่เคยทำไม่ดีที่ผ่านมา จึงได้ตัดสินใจผูกคอตายดังกล่าวแพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพผู้ตายชีวิตเกิดจากขาดอากาศหายใจ มาได้มากกว่า3 ชั่วโมง ภรรยาไม่ติดใจในการตายครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ลง บันทึกไว้เป็นหลักฐาน แล้วมอบศพให้นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป